โทรหาเราได้ตั้งแต่เวลา 9:30am: 0117 313 3300

แผนท่องเที่ยวแบบส่วนตัว เริ่มต้นที่ £375,000 ต่อคู่ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)

14 วัน Tokyo, Hakone, Kyoto, Hiroshima, Osaka, Kinosaki Onsen

การฉลองฮันนีมูนที่แสนตื่นเต้นในญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นเสมือนประตูสู่ความสนิทสนมที่สมบูรณ์แบบสำหรับคู่รักผู้กล้าที่ชื่นชอบการผจญภัยและพร้อมที่จะตะลุยโลกใบนี้ไปด้วยกัน

การฮันนีมูนในญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป เพราะที่นี่ไม่มีวันที่จะได้โรแมนติกบนชายหาดหรือปาร์ตี้คอกเทลที่รื่นเริง ในทางตรงกันข้ามญี่ปุ่นดูจะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการฮันนีมูนที่สมบูรณ์แบบสำหรับคู่รักนักผจญภัยที่พร้อมจะท่องโลกไปด้วยกัน

แผนการเดินทางในการฉลองฮันนีมูนที่ประเทศญี่ปุ่น

แผนการเดินทางมาฉลองฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นที่เราแนะนำนี้เริ่มต้นขึ้นในป่านีออนที่เต็มไปด้วยแสงสีอย่างมหานครโตเกียว (Tokyo)  ด้วยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ท่องราตรีบนฟากฟ้ายามค่ำคืนเหนือหมู่ตึกระฟ้าที่ส่องประกายระยิบระยับ ไปจนถึงทัวร์ส่วนตัวที่พาตะลุยเมืองซึ่งไม่เคยหลับไหล แล้วจบลงด้วยความผ่อนคลายกับการทัวร์เมืองยามกลางวันที่จะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์แห่งเมืองประวัติศาสตร์ชายทะเลอันเงียบสงบและเต็มไปด้วยมนต์ขลังอย่างคามากุระ (Kamakura)

จากนั้นคุณจะได้ออกไปผจญธรรมชาติกันที่อุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ (Fuji-Hakone-Izu National Park) เพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์อันแสนสวยงาม พร้อมอิ่มเอมไปกับความงามสุดพิเศษของภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันตระหง่านตระการตา

ต่อมาคุณจะได้เดินทางไปสู่เมืองแห่งวัฒนธรรมอันน่ามหัศจรรย์อย่างเกียวโต (Kyoto) ที่ซึ่งคุณจะได้เดินทางร่วมกับไกด์ท้องถิ่นที่จะพาคุณท่องเมืองในรูปแบบทัวร์ส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร สัมผัสประสบการณ์จิบชายามบ่ายที่สุดแสนพิเศษไปกับไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) ซึ่งเป็นประสบการที่แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นเองยังหาโอกาสมาสัมผัสได้ยาก

คุณจะได้ลองฝึกทักษะในการประลองดาบของคุณในคลาสการสอนศิลปะการร่ายรำดาบญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (Kenbu) ที่ ซามูไร เค็นบุ (Samurai Kenbu) แล้วก็ไปต่อกันด้วยการให้อาหารกวางด้วยมือของคุณเองที่อดีตเมืองหลวงโบราณอันรุ่งเรืองอย่างนาระ (Nara)

เรียนรู้การฟื้นฟูเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) ว่าสามารถฟื้นคืนชีวิตจากเมืองที่แหลกลาญเป็นเถ้าถ่านได้อย่างไร จากนั้นก็เดินทางไปท่องเที่ยวเกาะมิยาจิมา (Miyajima Island) เพื่อชมความงามของประตูโทริอิที่ลอยอยู่กลางน้ำอันมีชื่อเสียง

ท้ายที่สุดเพลิดเพลินเจริญอาหารกับสตรีทฟู๊ดของชาวโอซาก้าเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งตำรับอาหารของญี่ปุ่น และให้รางวัลตัวคุณเองกับการลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำร้อนเพื่อสร้างความกระปรี้กระเป่ร่าให้กับร่างกายกันที่คิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen)

การฉลองฮันนีมูนที่สมบูรณ์แบบในญี่ปุ่น

การท่องเที่ยวผจญภัยระดับมหากาพย์ไปยังดินแดนอาทิตย์อุทัยนี้ถือเป็นหนทางสุดมหัศจรรย์ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณในฐานะคู่ชีวิต สร้างความทรงจำร่วมกัน เรียนรู้วัฒนธรรมอันหลากหลายตลอดจนพยายามที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคยด้วยกัน

ราคานี้รวม :

  • ที่พักทุกแห่งที่ระบุอยู่ในแผนการเดินทาง
  • มื้ออาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ที่ระบุอยู่ในแผนการเดินทาง
  • รถรับส่งส่วนตัวสำหรับรับ-ส่งท่านไปกลับสนามบิน
  • เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม
  • บัตรสมาร์ทการ์ด Manaca (IC Card) ที่ใช้สำหรับจ่ายค่าเดินทางขนส่งสาธารณะ พร้อมเงินในบัตร 2,500 เยน
  • บัตร Japan Rail Pass (ชั้นปกติ) แบบ 14 วัน และ ตั๋วโดยสารรถไฟอื่นๆ ระหว่างการเดินทางไปยังปลายทางต่างๆ
  • ทัวร์เฮลิคอปเตอร์ตะลุยโตเกียวยามราตรี
  • ไกด์ทัวร์ส่วนตัวสำหรับที่โตเกียว (Tokyo) และเกียวโต (Kyoto)
  • บริการชายามบ่ายโดยไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) ในเกียวโต (Kyoto) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคิวว่างในช่วงที่ต้องการจองด้วย
  • คลาสสอนศิลปะการร่ายรำดาบญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (Kenbu) ที่ Samurai Kenbu
  • ทัวร์ Osaka Street Food Safari ตะลุยชิมของอร่อยริมทางในโอซาก้า (Osaka)

โทรหาเราได้ที่เบอร์ 0117 313 3300 เพื่อเริ่มวางแผนทริปท่องเที่ยวของท่าน

หรือ

แผนการท่องเที่ยว

วันที่ 1-3 : โตเกียว

วันที่ 1 – บินมาถึงโตเกียว
Tokyo skyline at sunset with Rainbow Bridge, Japan

วันนี้คุณจะบินมาถึงยังสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) กรุงโตเกียว (Tokyo) จากนั้นให้ไปพบกับคนขับรถส่วนตัวของคุณ

ที่จะมารอรับอยู่บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งเขาจะถือป้ายที่จะมีชื่อของคุณทั้งสองอยู่ จากนั้นใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาที ก็จะนั่งรถมาถึงยังโรงแรมของคุณ ซึ่งที่หน้าต่างของห้องพักคุณนั้นจะเผยให้เห็นความประทับใจแรกกับวิวโตเกียวเมืองอันแสนมหัศจรรย์ แล้วการฉลองฮันนีมูนในญี่ปุ่นของคุณอย่างแท้จริงก็จะเริ่มต้นขึ้น 

พิศวงไปกับเมืองที่รายล้อมไปด้วยตึกสูงระฟ้ามากมายที่มาพร้อมความวุ่นวายของฝูงชนชาวโตเกียวจำนวนมหาศาล ทั้งสองสิ่งนี้ต่างก็ต่อสู้เพื่อแย่งพื้นที่กันในเมืองที่ใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลกใบนี้ ซึ่งประชากรญี่ปุ่นกว่า 25% นั้นอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ นั่นทำให้โตเกียว (Tokyo) มีประชากรมากระจุกตัวอาศัยอยู่รวมกันมากกว่า 12 ล้านคนเลยทีเดียว

ขณะที่เมืองนี้มีฝูงชนที่แออัดคราคร่ำและเต็มไปด้วยแสงไฟนีออนมากมายมหาศาล โตเกียว (Tokyo) ก็ยังมีเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่มากมาย อาทิ แฟชั่นแปลกตาที่ฮาราจูกุ, โซบะชามเด็ด ตลอดจนความเงียบสงบอันน่าหลงใหลของสวนแห่งพระราชวังหลวงโตเกียว (Tokyo Imperial Palace) ในช่วงฤดูที่ซากุระเบ่งบาน

คุณจะได้เข้าพักที่โรงแรม เดอะ เกต โฮเทล อซากุซะ คามินาริมอน บาย ฮูลิค (THE GATE HOTEL ASAKUSA KAMINARIMON by HULIC) (รวมอาหารเข้า) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านอซากุซะ (Asakusa) โดยโรงแรมแห่งนี้เปรียบเสมือนก้อนหินที่ถูกเทพเจ้าแห่งสายฟ้าแห่งประตูคามินะริมอน (Kaminarimon Gate)ขว้างมา ซึ่งมันจะนำไปสู่วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวนั่นเอง

ณ จุดนี้คุณจะได้ชมวิวอันแสนมหัศจรรย์ของมหานครโตเกียวแบบสุดลูกหูลูกตาบนระเบียงดาดฟ้าของโรงแรม จากนั้นแวะไปสัมผัสรสชาติของตำรับญี่ปุ่นครั้งแรกตามร้านอาหารท้องถิ่นมากมายที่รายรอบอยู่บริเวณย่านนี้

วันที่ 2 – ทัวร์ส่วนตัวท่องโตเกียว

ขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณมาถึงในโตเกียว คุณจะได้รับบัตรสมาร์ทการ์ดมานากะ (Manaca) (IC Card) สำหรับใช้แตะชำระเงินค่าโดยสารขนส่งสาธารณะต่างๆ พร้อมกับบัตร Japan Rail Pass (ชั้นปกติ) แบบ 14 วัน สำหรับการโดยสารรถไฟในเครือของ JR ได้ทั่วประเทศซึ่งรวมถึงรถไฟหัวกระสุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างชินคันเซ็นด้วย

สำหรับวันแรกของการฮันนีมูนในญี่ปุ่นของคุณ คุณจะได้พบกับไกด์ทัวร์ส่วนตัวในเวลา 9am (09.00 น.) ที่โรงแรมของคุณ ซึ่งไกด์ผู้เชี่ยวชาญนี้จะพาคุณท่องไปรอบๆ เมือง ลัดเลาะไปตามแหล่งต่างๆ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะเช่นเดียวกับที่คนท้องถิ่นใช้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง ทัวร์นี้จะสิ้นสุดลงในเวลา 5pm (17.00 น.) ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาอิสระของคุณที่จะพักผ่อนหรือท่องเที่ยวได้ตามอัธยาศัย

*หมายเหตุ : อาหารกลางวันและค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ไม่ได้รวมอยู่ในการทัวร์ส่วนตัวครั้งนี้

สัมผัสความเก่าแก่และความทันสมัยของญี่ปุ่นตั้งแต่วัดดั้งเดิมแห่งย่านอซากุซะไปจนถึงย่านที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยอันคึกคักอย่างอกิฮาบาระ (Akihabara) ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในภวังค์ของโลกต่างภาษาที่คุณไม่คุ้นเคย

ในช่วงค่ำ คุณจะได้ท่องราตรีอย่างสุดแสนโรแมนติกไปบนเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวที่จะบินพาตะลุยฟากฟ้าชมแสงสีสุดอลังการของทิวทัศน์มหานครโตเกียวในยามค่ำคืน ซึ่งนี่ถือเป็นการท่องเที่ยวในรูปแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครในการสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ของการท่องเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีสีสันมากที่สุดในโลก

วิวจากบนฟากฟ้านั้นคุณจะได้เห็นสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge), โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) และ หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower) ฝาแฝดของหอไอเฟลที่จะเปล่งประกายสร้างสีสันอันงดงามให้กับมหานครในยามค่ำคืน

วันที่ 3 – จากโตเกียว สู่ ทริปเที่ยวคามากุระ (Kamakura) แบบเต็มวัน

วันนี้คุณจะได้เริ่มใช้ JR Pass เพื่อที่จะนั่งรถไฟออกนอกโตเกียว (Tokyo) ไปเที่ยวยังเมืองอันแสนเงียบสงบอย่างคามากุระ (Kamakura) สถานที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เหมาะจะหลีกหนีจากมหานครอันแสนวุ่นวาย จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) ในโตเกียว (Tokyo) นั่งรถไฟไปทางตะวันตกโดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ก็จะถึงยังเมืองอันแสนสงบอย่างคามากุระ (Kamakura) ซึ่งครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคโบราณอีกด้วย   

ทุกวันนี้เมืองริมทะเลอันแสนมีเสน่ห์นี้เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นเมืองที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsu) อันใหญ่โตและมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์มากมาย ที่ไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าหากย้อนกลับไปในช่วงยุคศตวรรษที่ 12 แล้วนั้น คามากุระอาจจะถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้เพราะแถบนี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้เรียงรายและผู้คนที่อยู่อาศัยกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว

วันที่ 4-5 : ฟูจิ-อุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ

วันที่ 4 – โตเกียว สู่ ฟูจิ-ฮาโกเน่
Hakone Mount Fuji in Japan

จุดหมายปลายทางถัดไปของทริปฮันนีมูนในญี่ปุ่นครั้งนี้ก็คือ อุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ (Fuji-Hakone-Izu National Park) ดังนั้นคุณจะต้องใช้บัตร JR Pass เพื่อโดยสารรถไฟออกจากโตเกียว โดยเริ่มต้นนั่งรถไฟจากสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ไปยังสถานีโตเกียว (Tokyo Station) จากนั้นคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์น่าตื่นตาตื่นใจกับการนั่งรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็นเพื่อไปลงยังสถานีโอดาวาระ (Odawara Station) ซึ่งร่วมเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง

เมื่อมาถึงสถานีโอดาวาระ (Odawara Station) เรียบร้อยแล้ว จะมีรถส่วนตัวมารับคุณเพื่อไปส่งยังโรงแรมที่พัก และโปรดตระหนักว่าคนขับรถของคุณอาจจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่นั่นล่ะมันคือส่วนหนึ่งของการผจญภัยในโลกที่คุณไม่คุ้นเคยนั่นเอง ซึ่งการเดินทางจากสถานีรถไฟไปจนถึงที่พักนี้จะใช้เวลาราว 40-60 นาที 

คุณจะได้เข้าพักที่ ยามะ โนะ ชายะ (Yama no Chaya) เรียวกังซึ่งเป็นบ้านพักสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอันหรูหราที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าไผ่และสนอันเขียวขจี เริ่มต้นด้วยการถอดรองเท้าของคุณไว้ที่ประตูทางเข้า จากนั้นคุณจะได้สัมผัสถึงการต้อนรับอันแสนอบอุ่นในแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริงด้วยเครื่องดื่มต้อนรับที่จะเสิร์ฟชาเขียวให้คุณได้ดื่มด่ำโดยพนักงานที่สวมกิโมโนอย่างประณีตงดงาม

ทั้งอาหารเช้าและอาหารค่ำนั้นรวมอยู่ในการเข้าพักของคุณเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองมื้อนี้จะบริการเสิร์ฟถึงที่ห้องพักในรูปแบบการรับประทานตามประเพณีญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยมื้อค่ำจะเป็นการเสิร์ฟตำรับไคเซกิ (Kaiseki) ที่จะผสมผสานอาหารหลากหลายชนิดมาในชุดเดียวกัน อาทิ ปลาดิบกับเห็ดมัตซึทาเกะที่แร่บางอย่างประณีตทุกชิ้น เป็นต้น

ในห้องของคุณยังมีอ่างแช่น้ำร้อนกลางแจ้งแบบส่วนตัว (Rotenburo) ที่คุณสามารถลงไปแช่น้ำแร่ร้อนธรรมชาติที่มาจากแหล่งน้ำแร่ภูเขาไฟในแถบนี้

วันที่ 5 – ท่องไปในอุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ (Fuji-Hakone-Izu National Park)

คุณจะได้รับบัตร ฮาโกเน่ ฟรีพาส (Hakone Freepass) ที่จะช่วยให้คุณเดินทางโดยรอบพื้นที่บริเวณฮาโกเน่ (Hakone) ได้อย่างสะดวกง่ายดาย บัตรนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่การโดยสารรถไฟ, รถประจำทาง, รถรางขึ้นเขาซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางรถรางที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น รวมไปถึงเรือท่องเที่ยวล่องทะเลสาบอชิ (Lake Ashi) (สิทธิพิเศษเพิ่มเติม สามารถเป็นส่วนลดค่าเข้าสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ในหลายแห่งได้อีกด้วย) อีกด้วย

อุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ (Fuji-Hakone-Izu National Park) นั้นเป็นผืนป่าที่กว้างใหญ่พร้อมวิวธรรมชาติอันแสนงดงามน่าประทับใจ ซึ่งอุทยานนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูเขาไฟฟูจินี่เอง น้ำใต้ดินบริเวณโซนภูเขาไฟในพื้นที่แถบนี้ทำให้เกิดบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติมากมายที่เหมาะแก่การลงแช่ผ่อนคลายหลังจากกลับมาจากการท่องเที่ยวทั้งวันเป็นที่สุด

วันที่ 6-8 : เกียวโต

วันที่ 6 – ฟูจิ-ฮาโกเน่ สู่ เกียวโต
The Golden Pavilion in Kyoto, JApan

หลังจากที่เพิ่มพลังชีวิตด้วยวิวชนบทญี่ปุ่นอันแสนสวยงามไปแล้ว คุณก็จะได้กลับเข้าสู่วิถีชีวิตคนเมืองอีกครั้ง แต่คราวนี้จะตรงไปยังเมืองหลวงในอดีต (และเมืองหล่วงแห่งวัฒนธรรม) อย่างเกียวโต (Kyoto) จากที่พักในฮาโกเน่ (Hakone) นั้นรถยนต์ส่วนตัวจะนำคุณกลับไปยังสถานีโอดาวาระ (Odawara Station) อีกครั้ง ก่อนที่จะนั่งรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็นวิ่งเลียบชายฝั่งไปยังเกียวโต (Kyoto) ซึ่งการเดินทางครั้งนี้จะใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง

เกียวโตได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในชื่ออนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ (Historic Monuments of Ancient Kyoto (Kyoto, Uji and Otsu Cities)) ซึ่งประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ถึง 17 แห่งที่รวมตัวอยู่ในบริเวณนี้ ประกอบกับแดนดินถิ่นนี้ยังเต็มไปด้วยวัดวาอารามและศาลเจ้าอีกมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งยังเป็นเมืองที่มีชุมชนเกอิชาเหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้ายของญี่ปุ่นอีกด้วย นั่นทำให้เกียวโตกลายเป็นหัวใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าปัจจุบันเมืองนี้จะเต็มไปด้วยความทันสมัยที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาทดแทนของเก่ามากมาย แต่เราก็ยังมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของความดั้งเดิมที่ซ่อนตัวผสมผสานอยู่อย่างลงตัว อาทิ เรือนชาแบบดั้งเดิมที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างตึกอันทันสมัยนั่นเอง

คุณจะได้เข้าพักที่ ไฮแอท รีเจนซี เกียวโต (Hyatt Regency Kyoto) (รวมอาหารเช้า) โรงแรมหรูหรามีระดับที่ตั้งอยู่ในเขตฮิกาชิยามะ (Higashiyama) ในเมืองเกียวโต (Kyoto) ห้องพักอันหรูหราของคุณนี้ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยมากมายที่ใส่ใจรายละเอียดการออกแบบด้วยการผสมผสานองค์ประกอบของวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้าไปอย่างลงตัว อาทิ การใช้ไม้โอ๊คขาว และ ผ้าทอกิโมโน เป็นต้น

ภายในโรงแรมนั้นยังเป็นที่ตั้งของภัตาคารในระดับคุณภาพสูงอีกหลายร้านด้วย เสิร์ฟตำรับอิตาเลี่ยน, ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส พร้อมกับคอกเทลที่สร้างสรรค์ออกมาหลากหลายสูตรให้เลือกจิบได้ตามชอบ แล้วก็ยังมีวิสกี้และสาเกในสูตรเฉพาะตัวที่หมักบ่มในแบบฉบับญี่ปุ่นอีกด้วย ในมื้อเช้าคุณยังสามารถเลือกได้ตั้งแต่ชุดอาหารเข้าแบบญี่ปุ่นที่ภัตาคาร โตวซาน (Touzan)  หรือ อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ที่ร้าน เดอะ กริลล์ (The Grill)  

ห้ามพลาดบริการสปาอันหรูหราของโรงแรมซึ่งประกอบไปด้วยการบำรุงในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม เราสามารถเลือกได้ตามใจชอบตั้งแต่การนวดแบบชิอัทซุ (Shiatsu), การบำบัดด้วยน้ำ, การนวดบำบัดแบบเรอิกิ (Reiki) ไปจนถึง การแช่น้ำในอ่างไม้แบบโบราณซึ่งสร้างประสบการณ์สปาที่พิเศษไม่เหมือนใคร

วันที่ 7 – ทัวร์ส่วนตัวท่องเกียวโต

หลังจากรับประทานอาหารเข้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไกด์ส่วนตัวของคุณจะนำคุณไปสัมผัสกับเมืองนี้ในหลากหลายมุมมอง รวมไปถึงสถานที่เร้นลับที่มีเฉพาะคนท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้ด้วย

คุณจะเดินทางโดยรถประจำทางหรือไม่ก็เท็กซี่ที่จะพาคุณไปชมสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ อาทิ ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari) ที่มีอุโมงค์ประตูแดงเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ต่อด้วยการเดินท่องป่าไผ่แห่งอราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Grove) อันน่าพิศวง ช่วงหนึ่งของทัวร์ส่วนตัวนี้คุณยังจะได้ลองสัมผัสประสบการณ์จิบชายามบ่ายในย่านกิอง (Gion) กับไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) อีกด้วย

เรื่องราวอันแสนเร้นลับของเกอิชา (หรือที่คนท้องถิ่นรู้กันในอีกชื่อว่า เกอิโกะ) และเหล่าไมโกะที่อยู่ในความดูแลนั้นเป็นเรื่องที่งดงามทั้งยังเป็นศิลปะอันละเอียดอ่อนที่ยากจะอธิบาย บ่อยครั้งที่โลกฝั่งตะวันตกนำเรื่องราวเหล่านี้ไปเผยแพร่อย่างเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามคุณจะได้มีโอกาสแวะไปที่เรือนชากิอง มารุอุเมะ (Gion Maruume) เพื่อที่จะเข้าไปสัมผัสโลกของเกอิชาอย่างใกล้ชิดแบบสุดพิเศษเลยทีเดียว

จิบชาเขียวและละเลียดเค้กญี่ปุ่นไปพร้อมกับการดูแลเอาใจใส่พร้อมให้ความบันเทิงจากไมโกะอย่างดีเยี่ยม ที่นี่คุณสามารถที่จะถ่ายภาพและถามคำถามต่างๆ นานาได้ด้วย (มีล่ามแปลภาษา) นอกจากนี้คุณจะถูกเชิญไปยังเรือนชาแบบดั้งเดิมที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งประสบการณ์นี้เป็นไฮไลท์พิเศษสำหรับโปรแกรมฮันนีมูนญี่ปุ่นที่เราจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ

*หมายเหตุ : การเยือนเรือนชานั้นขึ้นอยู่กับคิวว่างในแต่ละช่วงด้วย และวันหรือเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

วันที่ 8 – วันท่องเที่ยวนาระ จาก เกียวโต

วันนี้คุณจะได้ใช้ JR Pass เพื่อนั่งรถไฟไปท่องเที่ยวยังนาระ (Nara) ซึ่งอยู่ห่างจากเกียวโต (Kyoto) เพียง 40 นาที เท่านั้น สำหรับนาระ  (Nara) นี้เคยเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางสายไหมในอดีต และยังคงเป็นที่รู้กันดีว่านี่คือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาและศาสนาชินโตที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่หลายพันปีที่แล้ว (และยังเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยกวางแสนเชื่องที่เดินทอดน่องอย่างอิสระไปทั่วดินแดนแถบนี้)

นาระ (Nara) นั้นเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นมาก่อน สถาปัตยกรรมยุคโบราณ ศาสนสถาน ตลอดจนวัดวาอารามทั้งหลาย ต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงอาณาจักรอันเกรียงไกรและอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ในอดีตได้เป็นอย่างดี อย่าลืมที่จะแวะไปสักการะพระไดบุตสึแห่งนาระ (Daibutsu of Nara) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่โตที่อยู่ภายในอาคารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีประวัติศาสตร์ของตัวเองที่น่าสนใจทั้งสิ้น  

ช่วงบ่ายคุณจะได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน ซามูไร เค็นบุ (Samurai Kenbu) ซึ่งนี่เป็นการสอนศิลปะการร่ายรำดาบญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (Kenbu) ที่จะใช้ดาบคาตานะ (Katana Sward) ร่วมกับพัดในกระบวนการร่ายรำ ในอดีตนั้นเคนบุ (Kenbu) เป็นการรำกระบวนดาบที่ซามุไรทุกคนจะต้องอุ่นเครื่องเพื่อทำสมาธิจดจ่อกับกระบวนท่าต่างๆ ทั้งยังเป็นการยืดกล้ามเนื้อร่างกายไปในตัวก่อนที่จะทำการต่อสู้ด้วย

คุณจะได้เข้าไปเยี่ยมเยือนสตูดิโอสอนเคนบุ (Kenbu) เพื่อที่จะได้ชมการสาธิตวิธีร่ายรำดาบกันก่อน หลังจากนั้นคุณจะได้เข้าร่วมคลาสฝึกหัดจริงเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งคุณจะได้ลองสวมชุดซามูไรและค้นหาเสน่ห์ของการต่อสู้ที่เป็นตำนานนี้ด้วยตัวคุณเอง คุณจะได้เรียนรู้วิธีการย่างก้าวและร่ายรำอย่างเป็นขั้นตอน ตลอดจนเทคนิคของการฟันดาบต่างๆ ไปจนถึงทำเนียมปฎิบัติตามแบบซามูไรยุคโบราณอีกด้วย  

วันที่ 9-10 : ฮิโรชิม่า

วันที่ 9 – เกี่ยวโต สู่ ฮิโรชิม่า
dome memorial building in hiroshima, japan

ที่หมายต่อไปของทัวร์ฮันนีมูนญี่ปุ่นของคุณในคราวนี้ก็คือฮิโรชิม่า (Hiroshima) เมืองที่ทั่วโลกรู้กันดีว่ามีอดีตอันน่าเศร้าสลด ทว่าในวันนี้กลับลุกขึ้นมายืนหยัดเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาได้ใหม่ ซึ่งนี่เป็นเสมือนเครื่องยืนยันถึงความยืดหยุ่นและปรับตัวของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ในการเดินทางครั้งนี้คุณจะมุ่งตรงสู่ฮิโรชิม่า (Hiroshima) ด้วยรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็นซึ่งทำให้ระยะทางกว่า 400 กม. ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชม. เท่านั้น

แน่นอนว่ายังมีอนุสรณ์สงครามที่เป็นเศษซากประวัติศาสตร์หลงเหลือมาจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมนูทำลายล้างฮิโรชิม่า (Hiroshima) อีกมากมาย โดยเฉพาะโดมอตอมมิคบอมบ์ (Atomic Bomb Dome หรือ A-Bomb Dome) ที่ซากโดมซึ่งหลงเหลือจากการทิ้งระเบิดในคราวนั้นยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตลอดจนสวนสันติภาพแห่งความทรงจำของฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park) ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์สันติภาพแห่งความทรงจำของฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Museum) ที่เป็นเสมือนที่ที่เปลวไฟที่ไม่มีวันมอดดับเพราะทั้งสองแห่งนี้ยังคงสะท้อนภาพการทำลายล้างในอดีตอันแสนสะเทือนอารมณ์ที่ให้เราได้สัมผัสกันอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็เป็นสถานที่ที่คุ้มค่าในการไปเยือนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ฮิโรชิม่า (Hiroshima) ถือว่าเป็นดินแดนที่เติบโตมาจากเศษซากของการทำลายล้างอย่างแท้จริง และในทุกวันนี้เมืองก็เปลี่ยนโฉมสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง บริเวณชุมชนเมืองในวันนี้ต่างก็เต็มไปด้วยประสบการณ์น่าสนใจมากมายที่รอมาให้คุณสัมผัส

กิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ ก็อย่างเช่น การร่วมเชียร์ ฮิโรชิม่า คาร์ป (Hiroshima Carp) (หรือชื่ออย่างเป็นทางการ ฮิโรชิม่า โตโย คาร์ป (Hiroshima Toyo Crap)) ทีมเบสบอลเจ้าถิ่นที่สนามเบสบอลอันยิ่งใหญ่ประจำเมือง (เบสบอลเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมที่สุดของญี่ปุ่น) จากนั้นแวะไปเดินเล่นรอบสวนญี่ปุ่นชุกเคเอ็น (Shukkei-en) อันงดงามตามแบบฉบับดั้งเดิม หรือจะเลือกไปชื่นชมความงดงามของงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima Prefectural Art Museum) ก็ได้ซึ่งที่นี่คุณยังจะได้ชมความงดงามของวิวเมืองที่มองเห็นได้จากบนตึกนี้อีกด้วย

ระที่คุณกำลังท่องเที่ยวอยู่ที่ฮิโรชิม่า (Hiroshima) นั้น ต้องไม่ลืมที่จะลองลิ้มรสความอร่อยของโอะโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นอันเลื่องชื่อของที่นี่ให้ได้ ซึ่งคุณสามารถทดลองปรุงความอร่อยได้ด้วยตัวเองบนกระทะแบนร้อนที่โต๊ะของคุณ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบต่างๆ ตามที่ชอบใส่ลงไปผัดพร้อมแป้งเหลว จากนั้นก็ปรุงบนกระทะร้อนซึ่งหน้าตาของจานอร่อยจะคล้ายกับแพนเค้กก้อนโตนั่นเอง ตำรับอาหารเลิศรสอีกอย่างที่ควรลองก็คือหอยนางรมสดที่เพิ่งจับขึ้นมาใหม่ๆ จากแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์ในแถบนี้นั่นเอง

คุณจะได้เข้าพักที่ที่พักระดับห้าดาวอย่าง เชอร์ราตัน แกรนด์ ฮิโรชิม่า โฮเทล (Sheraton Grand Hiroshima Hotel) (รวมอาหารเช้า) ซึ่งเป็นโรงแรมอันหรูหราตั้งอยู่ติดกับสถานีฮิโรชิม่า (Hiroshima Station) อันแสนสะดวกสบาย โดยห้องพักนั้นจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 9 ไปจนถึงชั้น 21 ของอาคารหลังนี้ และการันตีได้เลยว่าคุณจะได้เห็นวิวเมืองที่งดงามมีเสน่ห์อย่างแน่นอน

ในฐานะที่โรงแรมนี้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของฮิโรชิม่า คุณสามารถที่จะมีความสุขกับสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในโรงแรมได้ ตั้งแต่ สระว่ายน้ำ, จากูซซี่ และ ซาวน่า แล้วก็รวมถึงอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรสคุณภาพสูงอย่างซูชิและเนื้อผัดกระทะร้อนแบบเทปันยากิที่จะมีบริการในภัตาคารของโรงแรมด้วย ปิดท้ายความสุขประจำวันกับการจิบเครื่องดื่มดีๆ ในยามพระอาทิตย์ตกดินที่บาร์ของโรงแรม ซึ่งเป็นบาร์ไม้สไตล์ญี่ปุ่นอันแสนคลาสสิก

วันที่ 10 – ท่องเที่ยวเกาะมิยาจิม่า จาก ฮิโรชิม่า

วันนี้จะพาคุณลงเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือที่ฮิโรชิม่า (Hiroshima) เดินทางไปยังเกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) เพื่อชมความงดงามของประตูศาลเจ้าโบราณลอยอันเลื่องชื่อแห่งศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine) ซึ่งนี่คือหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งญี่ปุ่นที่คนจดจำภาพได้มากที่สุด ทั้งยังเป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) อันทรงคุณค่าอีกด้วย  

บนเกาะนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ การนั่งรถรางขึ้นไปยังยอดเขามิเซน (Mount Misen) เพื่อชมความงดงามของท้องทะเลและภูมิประเทศในแถบนี้ (แล้วโดยปกติจะได้เผชิญหน้ากับเจ้าลิงจ๋อด้วย) ตลอดจนแวะช้อปปิ้งตามร้านค้าต่างๆ ที่อยู่รายรอบบริเวณท่าเรือ

วันที่ 11-14 : คิโนะซากิ ออนเซ็น และ โอซาก้า

วันที่ 11 – ฮิโรชิม่า สู่ คิโนะซากิ ออนเซ็น
วันที่ 11 – ฮิโรชิม่า สู่ คิโนะซากิ ออนเซ็น  Listing Image

จากฮิโรชิม่า (Hiroshima) นั่งรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็นมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออก แล้วจากนั้นเปลี่ยนมานั่งรถไฟด่วนอีกขบวนไปทางเหนือจนกระทั่งถึงยังหมู่บ้านคิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) อันเป็นแหล่งบ่อน้ำร้อนซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่วางไว้ การเดินทางจากฮิโรชิม่าไปยังคิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) นี้ถือว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในทริปฮันนีมูนญี่ปุ่นคราวนี้ซึ่งใช้เวลาเดินทางกว่า 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ถือว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน

สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างถึงแก่นกับการลงแช่น้ำร้อนผ่อนคลายในบ่อน้ำร้อนหลายแหล่งของคิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) เมืองเล็กน่ารักที่เต็มไปด้วยโรงแรมเก่าแก่ในแบบฉบับดั้งเดิมมากมาย ถนนสายแคบๆ และบ่อน้ำร้อนสาธารณะ ในยามค่ำเหมาะที่จะสวมชุดยูกาตะ (กิโมโน) และรองเท้าเกี๊ยะเกตะ (รองเท้าไม้แบบโบราณ) เพื่อเดินชมหมู่บ้านไปรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน

วิวทิวเขาอันตระหง่านงดงามและน้ำพุร้อนที่ทำให้สดชื่นผ่อนคลายนี้เป็นแรงบันดาลใจให้บรรดาศิลปินญี่ปุ่นมากว่าหลายร้อยปีแล้ว ในขณะที่ประสบการณ์การแช่ออนเซ็นนี้ยังคงเชื่อมโยงไปถึงจิตวิญญาณชนชาติญี่ปุ่นตลอดจนรากฐานแห่งศาสนาชินโตได้อีกด้วย เราให้คำมั่นสัญญาว่าการลงไปนั่งแช่ให้น้ำบำบัดร่างกายนี้จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นหลังจากกลับจากคิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะได้เข้าพักที่เรียวกังแบบญี่ปุ่นอันหรูหราอย่าง นิชิมูรายะ ฮอนกัง (Nishimuraya Honkan) ซึ่งเป็นเรียวกังที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปี พร้อมของวิวสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและบ่อปลาคาร์ฟอันงดงามท่ามกลางป่าสนอันเขียวขจี ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนก้าวเข้าไปในผลงานศิลปะญี่ปุ่นอันทรงคุณค่าเลยทีเดียว

ในห้องของคุณนั้นตกแต่งไปด้วยศิลปวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นมากมาย ตั้งแต่ พื้นแบบเสื่อตาตามิ, ประตูบานเลื่อนกระดาษ, ไปจนถึงการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ (Ikebana) อันเป็นศิลปะการจัดดอกไม้ตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม สำหรับมื้อเช้าและมื้อค่ำนั้นรวมอยู่ในการเข้าพักของคุณเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นตำรับไคเซกิ (Kaiseki) ที่เสิร์ฟส่งตรงถึงที่ห้องของคุณ

ที่นี่ยังมีบ่อน้ำร้อนทั้งแบบในร่มและกลางแจ้งที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบสงบท่ามกลางป่าไผ่อันร่มรื่นไว้บริการคุณด้วย และที่เพิ่มเติมไปกว่านั้นคุณยังจะสามารถไปใช้บริการสปาส่วนตัวของเรียวกังอื่นๆ ที่อยู่ในเครือเดียวกันได้อีกด้วย ซึ่งจะมีบริการให้เลือกมากมายตั้งแต่การนวดผ่อนคลายไปจนถึงการบำรุงด้วยน้ำมันหอมระเหยเลยทีเดียว

วันที่ 12 – คิโนะซากิออนเซ็น สู่ โอซาก้า

หลังจากผ่อนคลายกันไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่เราจะนั่งรถไฟด่วนเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้ายของทริปฮันนีมูนญี่ปุ่นในครั้งนี้ การเดินทางนี้จะใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงเพื่อมุ่งหน้าสู่โอซาก้า (Osaka) เมืองที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น

มีกิจกรรมตลอดจนสิ่งน่าสนใจหลายอย่างในโอซาก้า (Osaka) ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำระดับโลกไปจนถึงปราสาทโอซาก้า (Osaka Castel) อันยิ่งใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างงดงาม พิพิธภัณฑ์หลายต่อหลายแห่ง แล้วก็ยังมีการนั่งชิงช้าสวรรค์ยักษ์บนห้างดังอย่าง เฮ็บ ไฟว์ (HEP FIVE) ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย นอกจากนี้โอซาก้า (Osaka) ยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาในยามค่ำคืนเช่นกันซึ่งเมืองนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารนับพันและบาร์อันหลากหลายให้เราเลือกสรรตามอัธยาศัย  

คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ “street food safari” ที่จะพาคุณตะลุยชิมของอร่อยริมทางรอบๆ ย่านโดตนโบริ (Dotonbori) อันเลื่องชื่อของโอซาก้า (Osaka) ที่เต็มไปด้วยป้ายไฟนีออนสว่างสไว (รวมถึงป้ายกูลิโกะอันเลื่องชื่อด้วย), ร้านอาหารอร่อยรวมตัวอยู่มากมาย, ไปจนถึงร้านรถเข็นข้างทางอีกหลากหลายคันที่คอยห่ำหั่นเรียกร้องความสนใจจากเหล่านักชิมทั้งหลาย

การร่วมทัวร์ตะลุยชิมอาหารถิ่นโอซาก้าครั้งนี้นำทัพโดยไกด์ท้องถิ่นซึ่งสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เขาจะพาคุณหลีกหนีจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเพื่อไปลัดเลาะยังตรอกซอกซอยต่างๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอิซากายะ (ร้านอาหารกึ่งผับ) ท้องถิ่นดีๆ มากมาย ที่นี่คุณจะได้มีโอกาสชิมความอร่อยในแบบฉบับท้องถิ่นดังเดิมจริงๆ อาทิ ทาโกะยากิ (Takoyaki) ซึ่งเป็นขนมครกญี่ปุ่นไส้ปลาหมึก แล้วก็ คุชิคัตซึ (Kushikatsu) ซึ่งเป็นอาหารทอดเสียบไม้อันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นชื่อของที่นี่

หลังจากทัวร์ตะลุยกิน 3 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง คุณอาจจะอยากหาที่นั่งดื่มด่ำกับสีสันยามค่ำคืนของโอซาก้า (Osaka) แบบส่วนตัว ซึ่งเวลานี้คุณสามารถตะลุยราตรีได้อิสระตามความต้องการของคุณเอง

คุณจะได้เข้าพักที่โรงแรม โอซาก้า แมริออท มิยาโกะ โฮเทล (Osaka Marriott Miyako Hotel) (รวมอาหารเช้า) ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณชั้นที่ 38-57 ของตึก อเบโนะ ฮารุกัส (Abeno Harukas) ที่โด่งดัง หน้าต่างกระจกใสในห้องพักที่กว้างใหญ่ตั้งแต่พื้นจรดเพดานจะทำให้คุณได้เห็นวิวของโอซาก้า (Osaka) อันแสนงดงามน่ามหัศจรรย์ ในขณะที่บริเวณชั้นที่ 57 จะเป็นที่ตั้งของร้านอาหารที่สามารถชมความงดงามของวิวเมืองในมุมสูงแบบพาโนรามา 360 องศา ได้เลยทีเดียว  

วันที่ 13 – ท่องเมืองโอซาก้า

ในวันสุดท้ายของทริปฮันนีมูนญี่ปุ่นของคุณในคราวนี้ คุณจะมีเวลาอิสระในการท่องเมืองโอซาก้า (Osaka) ตามสไตล์ของคุณเอง ซื้อของฝากของที่ระลึกกลับบ้าน, เก็บตกตารางท่องเที่ยวในช่วงวันสุดท้ายของการเดินทาง, หรือพักผ่อนหย่อนใจง่ายๆ กับการเสาะหาตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ แสนอร่อยในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งตำรับอาหารญี่ปุ่นนี้

วันที่ 14 – บินกลับจากโอซาก้า

ในที่สุดก็มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของการผจญภัยไปกับทริปฮันนีมูนญี่ปุ่นอันสุดแสนประทับใจ รถยนต์ส่วนบุคคลจะมารับคุณที่โรงแรมเพื่อเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษๆ

เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทัวร์ฮันนีมูนญี่ปุ่นที่จบลงในคราวนี้ คุณจะจากลาดินแดนนี้ด้วยความทรงจำอันมีค่าที่ยากจะลืมเลือน ตลอดจนเรื่องราว (และรูปถ่าย) ต่างๆ ของการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่กับการผจญภัยร่วมกันครั้งแรกของคุณในฐานะคู่รักร่วมชีวิตจะสร้างความประทับใจที่กังวาลอยู่ในใจไม่รู้ลืม

หลังจากเรื่องทั้งหมดนี้ผ่านไปแล้ว ถ้าคุณสามารถที่จะจัดการกับทาโกะยากิได้, กล้าลงแช่ออนเซ็นสาธารณะร่วมกับผู้อื่น, หรือแม้แต่ร้องเพลงในห้องน้ำได้อย่างสบายใจ เราเชื่อว่าคุณก็สามารถที่จะจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตหลังแต่งงานได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

ปรึกษาทีมงาน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและวางแผนทริปสุดพิเศษของท่านด้วยความช่วยเหลือจาก
ผู้เชี่ยวชาญ โทร 0117 313 3300

ทำไมต้องเลือกเวย์แฟเรอร์

เวย์แฟร์เรอร์ ทราเวลเป็นผู้สร้างสรรค์แผนการท่องเที่ยวฮันนีมูนหลากหลายรูปแบบที่มีจุดมุ่งหมายในคืนกำไรให้กับชุมชนท้องถิ่นต่างๆ และมุ่งมั่นปกป้องธรรมชาติตลอดจนสิ่งแวดล้อมของโลกให้คงไว้ดังเดิม

เราสนับสนุนไกด์ผู้นำเที่ยวตลอดจนผู้ประกอบการท้องถิ่นทั้งหลายด้วยอัตราจ้างที่ยุติธรรม และทำงานร่วมกับผู้ประกอบการด้านที่พักที่มีความรับผิดชอบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้น และกิจกรรมทัวร์ต่างๆ ของเราจะมุ่งนำเสนอไปยังประสบการณ์ท้องถิ่นที่แท้จริงเสมอ เพื่อที่ว่าคุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง 

แผนการท่องเที่ยวฮันนีมูนในญี่ปุ่นของเรานั้นยังใส่ใจการเดินทางระหว่างจุดหมายปลายทางต่างๆ ด้วยขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (แทนที่จะใช้รถยนต์ส่วนบุคคล) ซึ่งเป็นวิถีเดียวกันกับคนท้องถิ่น และเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบประสบการณ์ผจญภัยที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจกับประเทศนั้นได้มากขึ้น 

รวมถึงประสบการณ์พิเศษอื่นๆ ที่จะทำให้คุณสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง อาทิ การพบเกอิชา, การร่ายรำดาบญี่ปุ่นแบบโบราณ, ไปจนถึงทัวร์ชิมอาหารริมทางแบบชาวโอซาก้าที่ทำให้ตำรับญี่ปุ่นมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นด้วย

Why Wayfairer Japan Honeymoon

โทรหาเราได้ที่เบอร์ 0117 313 3300 เพื่อเริ่มวางแผนทริปท่องเที่ยวของท่าน

หรือ